เมนู
จดหมายข่าว
กล่องอิสระ
ปฎิทิน
April 2024
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
    
สถิติ
เปิดเมื่อ21/09/2012
อัพเดท12/04/2013
ผู้เข้าชม1310204
แสดงหน้า2726054
คำค้น




ตำนานปู่ฤาษี 108 ตน ตอน 4

อ่าน 32263 | ตอบ 1

พระฤษีโคศก (ไม่มีภาพ)

  พระฤษีองค์นี้ได้บำเพ็ญตบะในป่าแห่งเมืองสิงขร สำหรับความเป็นมาเกี่ยวกับพระฤษีโคศกก็คือในอดีตกาลมีเทวดาองค์หนึ่งซึ่งเป็นข้าช่วงใช้ของพระอิศวร เป็นเทวดาที่มีความเกียจคร้าน งานหนักไม่เอา งานเบาก็ไม่สู้ ไม่เอาใจใส่อะไรทั้งนั้น พระอิศวรท่านจึงทรงพิโรธเลยสาปให้ลงไปเป็นยักษ์ชื่อว่าท้าวอุณาราช ครอบครองเมืองสิงขร ในเขตป่าอนุญาตให้คอยจับสัตว์กินเป็นอาหาร เป็นยักษ์ที่มีฤทธิ์มากใครฆ่าก็ไม่ตาย ตราปใดที่พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระรามเดินทางมาพบแล้วใช้ต้นกกเป็นศรแผลงออกไปปักอก ตรึงเอาไว้กับแผ่นศิลาอยู่เช่นนั้นตลอดไป อีกนานเป็นเวลาถึงแสนโกฏิปี
 เมื่อกองทัพพระรามเดินทางมาถึงสวนของท้าวอุณาราช ในเขตป่าแห่งเมืองสิงขรนั้น นนทกาลซึ่งเป็นยักษ์ภารโรงผู้ดูแลสวนเห็นเข้าก็ตรงเข้าไปหมายที่จะจับพวกลิงเอามากินเล่น แต่ก็ไปเจอลิงที่มีฤทธิ์มากกว่ายักษ์จึงถูกรุมล้อมไล่ตียักษ์ จนกระทั่งนนทกาลต้องรีบหนีไปฟ้องต่อท้าว อุณาราช
เมื่อท้าวอุณาราช รู้เรื่องก็โกรธจึงจัดกองทัพออกไปเอง ครั้นมาพบกับพระรามก็ทำสงครามกัน แต่จะทำอย่างไรก็ไม่ชนะพระรามได้ ฝ่ายพระรามและพลวานรจะฆ่ายักษ์ อุณาราชด้วยวิธีไหนๆก็ไม่ตาย จึงร้อนถึงพระฤษีโคศก ผู้ที่พระอิศวรสั่งความลับไว้ให้บอกกับพระรามเพื่อจะได้ปราบยักษ์อุณาราช
ได้สำเร็จ พระฤษีจึงต้องกำบังกายเข้ามาในกองทัพ แล้วจึงนำเอาความลับที่พระอิศวรสั่งเอาไว้บอกกับพระรามโดยเฉพาะฝ่ายพระรามเมื่อรู้ความลับในการปราบยักษ์แล้วจึงมิได้รอช้า รีบไปถอนเอาต้นกกมาทำเป็นลูกศร แผลงออกไปปักอกยักษ์ตรึงไว้กับหลักศิลาได้สำเร็จ เมื่อศรปักอกยักษ์ตอกตรึงไว้กับแท่นหิน ท้าวอุณาราชก็สิ้นฤทธิ์ แต่ก็มิวาที่จะโกรธและอาฆาตต่อไปอีก พระนารายณ์อวตารจึงสาปให้มีไก่แก้วมาเกิดกับนนทรีถือค้อนใหญ่เฝ้าท้าวอุณาราชเอาไว้ถึงแสนโกฏิปี ถ้าหากว่าศรต้นกกนั้นเคลื่อนที่ถอนเขยื้อนยามใดก็ให้ไก่แก้วเนรมิตนั้นขันขึ้นเป็นการบอกสัญญาณให้รู้ แล้วนนทรีก็จะต้องเอาค้อนเหล็กใหญ่ มหึมานั้นมาตอกต้นกกซ้ำลงไปให้แน่นอย่างเดิมอยู่เช่นนั้นตลอดไปและในบริเวณนั้นยังห้ามมิให้ผู้ใด เอาน้ำส้มสายชูเข้าไปเป็นอันขาด เพราะว่าน้ำส้มสายชูนี่แหละ ถ้าราดลงไปที่ต้นกกเมื่อใด ต้นกกนั้นก็จะถอนหลุดออกไป แล้วยักษ์ที่ดุร้ายก็จะเป็นอิสระ
กลับมาอาละวาดได้อีก ยักษ์ตนนี้ ปัจจุบันนี้ยังถูกต้นกกปักตรึงอยู่ที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งเคยเป็นเมืองนพบุรี ของหนุมานมาตั้งแต่เริ่มต้นและยักษ์ตนนั้นเรียกกันว่า ท้าวกกขนากก็นับได้ว่าพระฤษีโคศกนี้มีคุณต่อชาวโลกมากมาย หากว่าไม่ได้ท่าน พระรามก็ไม่รู้จะปราบยักษ์ได้ด้วยวิธีไหน ก็เพราะว่าฆ่ามันไม่ตาย.....

   พระฤษีโคศกสวมชฎายอดบายศรีลายหนังเสือ พระฤษีผู้บอกพระรามสังหารท้าวอุณาราช




ปู่ฤษีนารายณ์
        พระฤษีนารายณ์พระองค์นี้แหละที่ทุกวงการยอมรับนับถือกัน ดังนั้นไม่ว่าจะทางไสยศาสตร์นาฏศิลป์ ดนตรี หรือหมอนวดแผนโบราณ จะต้องเรียกขานขอประทานพรพระบารมีของท่านอยู่ร่ำไป ส่วนประวัติในความเป็นมาก็มิได้ลึกลับอะไรนัก สาเหตุที่จะเกิดมาเป็นพระฤษีนารายณ์ก็เมื่อครั้งที่พระนารายณ์ได้กระทำเทวฤทธิ์ อวตารลงมาเป็นพระกบิลนั่นเอง ทรงบำเพ็ญตบะอยู่ใต้พิภพ เพื่อจะปราบกุมารทั้งหกหมื่น อาวุธที่ร้ายแรงสำหรับพระฤษีนารายณ์หรือพระกบิลก็คือ ไฟกรดอันแรงกล้า ที่ได้มอดไหม้พระกุมารทั้งหกหมื่นตายจนหมดสิ้นส่วนอิทธิฤทธิ์และบารมีของท่านนั้นมีอยู่มากมาย ไม่ทำลายผู้กระทำความดี มีแต่ช่วยส่งเสริมและช่วยเหลือโดยตลอด ด้วยพระเมตตาปราณีเป็นล้นพ้น ฝูงชนมักจะนิยมกราบไหว้บูชากันเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพิธีมงคลใดๆ ก็จะต้องทำการอัญเชิญให้ท่านเสด็จลงมาร่วมพิธีด้วยทุกครั้งไป ก็จะได้เป็นมงคลอันดีงามสำหรับงาน หรือว่ากิจการที่กระทำนั้นให้บังเกิดผลสำเร็จสมความมุ่งหมายทุกประการ.....



พระฤษีวชิระ (ไม่มีภาพ)

***พระฤษีวชิระผู้นี้ท่านมีวิชากบคือ 'เทพมณโท'...



พระฤษีอุศัพเนตร

***พระฤษีอุศัพเนตร ท่านก็เป็นพระฤษียาอีกผู้หนึ่ง....
 


พระฤษีนาไลย (ไม่มีภาพ)

***พระฤษีนาไลย พระฤษียา ผู้เป็นบรมครูแห่งการแพทย์แผนโบราณอีกผู้หนึ่ง...
 


พระฤษีสุกทันต์ (ไม่มีภาพ)

***พระฤษีสุกทันต์ หรือพระฤษีฟันขาว เป็นบรมครูแห่งว่านยาไทยอีกผู้หนึ่ง...



พระฤษีโยฮัน(ไม่มีภาพ)

***พระฤษีโยฮัน หรือ นักบุญเซ็นต์จอห์น ผู้รับประทานน้ำผึ้ง ตั๊กแตนแทนข้าว
แลจาริกอยู่ ณ.ดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำจอร์แดน ดินแดนแห่งอูฐ....




พระฤษีอัษฎง (ไม่มีภาพ)

   พระฤษีพระองค์นี้ แต่แรกเป็นเทวดาอยู่ที่เทวโลก ถึงแม้ว่าจะมีความสุขด้วยสมบัติทิพย์ในทิพยสถาน ก็เห็นว่ามันไม่เป็นสิ่งจีรังยั่งยืน อันสมบัติทิพย์ทั้งหลายเหล่านั้น มิได้ทำให้หลุดพ้นไปได้เลยธรรมเท่านั้นที่จะทำให้หลุดพ้นจากทุกโลกไปได้ ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏะอีกต่อไป ถึง
แม้จะเป็นเทพบุตร เทวดา ก็ยังหนีไม่พ้นกฏแห่งกรรมที่จะต้องสิ้นอายุขัยแล้วจะต้องไปเกิดเป็นอะไรในภายหน้าหรือโลกหน้า หรือชาติหน้าก็ยังคาดคะเนกันไม่ได้ ก็เพราะว่าไม่มีฌานวิเศษที่จะรำลึกชาติได้หรือมองเห็นในอนาคตกาลเบื้องหน้าได้ดังนั้นจึงทำให้เทพบุตรองค์นี้เบื่อในความเป็นอยู่ทั่วๆไป
   แล้วเทพบุตรองค์นี้ก็เหาะลงมาอยู่ในป่าหิมพานต์ หาทำเลที่เหมาะที่สุดเนรมิตอาศรมขึ้นมา แล้วจึงมุ่งมั่นบำเพ็ญตบะธรรมตั้งแต่บัดนั้นมาไม่ยอมกลับขึ้นไปบนสวรรค์อีกเลย ด้วยดวงจิตที่แน่วแน่และขยันหมั่นเพียร เคร่งอยู่ในฌานบารมีธรรมเป็นเวลานานถึงพันปี จึงได้บรรลุธรรมวิเศษ มีความสามารถทั้งด้านอิทธิฤทธิ์และก็มากด้วยบารมี แต่ถึงกระนั้นก็ยังมิเพียงพอกับความต้องการ ท่านยังสร้างบารมีท่านด้วยการช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แด่บรรดาสรรพสัตว์และมวลมนุษย์ ตลอดจนกระทั่งพระฤษีชีพราหมณ์ในป่า ถ้าหากว่าท่านพบว่าู้ใดได้รับทุกข์หรือมีความเดือดร้อนใดๆแล้ว ท่่านก็มักยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเสมอ ด้วยการรับเอาภาระหน้าที่นั้นๆไปจัดการให้สำเร็จเรียบร้อยทุกครั้งไป ก็เพราะเหตุนี้เองจึงเป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของมวลมนุษย์ และฤษีชีพราหมณ์หรือผู้ทรงศีลทั่วไป ชื่อเสียงของท่านก็แผ่ขยายออกไปอีกไกลแสนไกลแม้แต่สัตว์ป่าที่แสนจะดุร้ายก็ยังมีใจภักดิ์ดีต่อท่านไม่มีการมารบกวนท่านเลย ก็เพราะท่านมีเมตตาธรรมอยู่ในชั้นสูง ท่านนี้แหละคือ พระฤษีอัษฎงคมุนี    ถึงแม้จะเป็นเทวดามีวิมานอยู่ ก็ยังยอมเสียสละลงมาทนลำบากอยู่ตามป่าตามเขาที่เต็มไปด้วยอันตรายร้อยแปด แล้วในที่สุดท่านก็พบกับความสำเร็จสมหวังทุกประการ สมควรที่เราจะดูและเอาเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของท่าน....

 

พระฤษีโคตะมะและพระฤษีโคบุตร

สำหรับพระฤาษีโคบุตร องค์นี้ก็รู้สึกว่าท่านมีประวัติแห่งความเป็นมาอย่างพิลึกพิลั่นและสลับซับซ้อนเหลือขนาด ข้าพเจ้าจึงขอนำเอามาเล่าให้ท่านทั้งหลายได้อ่านกันเพลิน ๆ และยังจะได้เข้าใจในลีลาของท่านได้โดยละเอียดกันต่อๆ ไปพระฤาษีโคบุตร ผู้นี้เป็นบุตรของ พระฤาษีโคตะมะ ซึ่งอยู่ในตระกูลของพระฤาษีมาโดยตลอด พระฤาษีโคบุตรก็ได้รำเรียนวิชามาจากพระฤาษีโคตะมะผู้ทีเป็นบิดามาตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่่ว่าในที่นี้ก็มิได้ระบุนามของผู้ที่เป็นมารดาแต่ประการใด ได้ศึกษาเล่าเรียนในหลักวิชาการตลอดจนกระทั่งเวทมนต์คาถา ท่องจำจนขึ้นใจได้ในทุกๆ วิธีการ จึงได้กลายมาเป็นมนต์ขลัง ทั้งเมตตามหานิยมและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ถึงกับเหาะเหินเดินอากาศได้ตั้งแต่ยังมิได้เป็นพระฤาษี ท่านก็เที่ยวของท่านไปในทุกๆ ที่
แต่ก็มีจุดที่จะให้สังเกตเห็นในความสำคัญและความสามารถของท่านอีกอย่างหนึ่งด้วย คือ ไม่ว่าท่านเที่ยวไปในสถานที่ใดก็ตาม เมื่อไปพบกับเพศตรงข้ามเข้าให้แล้ว ก็มักจะพากันหลงใหลใฝ่ฝันด้วยแรงเสน่หาในตัวท่าน ไม่ว่าจะเป็นสาวแก่แม่หม้ายลูกเขาเมียใครก็ต้องมีอาการเช่นนี้เหมือนกันทั้งหมด ขอให้เป็นผู้หญิงก็แล้วกัน เมื่อพบหน้าปุ๊บก็จะต้องรักปั๊บเลยทีเดียว พระฤาษีโคบุตรผู้นี้จึงได้นามว่าไปถึงไหนก็จะต้องได้เมียที่นั่นเสมอไป จนกระทั่งมากมายถึงขนาดจำหรือลำดับไม่ถูกเชียวแหละ ทั้งๆที่รู้ก็รู้ว่ามีเมียแล้ว แต่ว่าเขาก็จะรักและจะต้องการ แล้วใครจะทำไม จึงเกิดการชุลมุนวุ่นวายในระหว่างเมียน้อยเมียหลวง มักจะทะเลาะวิวาทตบตีกันเป็นประจำด้วยความหึงหวงกันเป็นส่วนใหญ่ และในจำนวนผู้หญิงทุกระดับชั้น มีตั้งแต่เทพธิดา นางฟ้า นางอัปสร มนุษย์รากษี กินนร กินรี นาคีและนางไม้ จึงสร้างความรำคาญให้แก่พระฤาษีโคบุตร มีความเห็นว่าถ้าขืนอยู่ต่อไปก็คงจะต้องอายเขาแน่ๆ จึงได้ตัดสินใจหลบหนีบรรดาเมียๆ ทั้งหลายเหล่านั้นไปเสียให้พ้นๆ เพื่อจะได้ตัดความยุ่งยากมิให้เกิดมีขึ้นมาอีก แต่ครั้นหลบหนีพวกนางทั้งหลายเหล่านั้นมาพ้นแล้วก็ดำเนินชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งใหม่ ในที่สุดไม่ช้าก็มีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นมาอีกแต่ก็มิไช่พวกเก่า
กลายเป็นพวกใหม่อีกทั้งกลุ่ม แล้วในที่สุดก็จำเป็นที่จะต้องหลบหนีต่อไปอีกให้พ้นด้วยความรำคาญ

        ที่นี้ก็มาอยู่ภายในป่าลึกและทับเอาเลยทีเดียว แต่แล้วอีกไม่นานเท่าใดนัก พวกชายาของพระในป่านั้นได้พากันเข้ามาหาเก็บผลไม้ ก็มาพบพระฤาษีโคบุตรเข้าอีกจนได้ แล้วก็เกิดการหลงใหลใฝ่ฝันในเสน่ห์ของพระฤาษีโคบุตร จนกระทั่งนานวันเข้าก็ยิ่งมากนางเข้าไปทุกขณะ แล้วในที่สุดก็ได้เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้นมาอีก ด้วยความหึงหวงกันขึ้นมาอีกจนได้ เรียกว่าหนีไม่พ้น ข่าวนี้ได้ล่วงรู้ไปถึงในบรรดาพระฤาษี พระมุรี พระดาบส ทั้งหลายที่ในป่านั้น จึงมีความโกรธแค้นพระฤาษีโคบุตร พระดาบสทั้งหลายจึงได้ประชุมกันแล้วก็ยกพวกมุ่งมา หวังจะรุมประชาทัณฑ์พระฤาษีโคบุตรให้สมแค้น ในฐานะที่ทำให้ชายาของแต่ละองค์ได้เข้ามาผูกพันและเกี่ยวข้องกันโดยที่ไม่เลือกว่าใครเป็นใคร แต่ว่าชะตาของพระฤาษีโคบุตรก็ยังมิได้ถึงฆาต เท่ากับว่าสวรรค์ยังคงปราณีอยู่ ข่าวจึงได้รั่วไปเข้าหูของพระฤาษีโคตะมะผู้เป็นบิดา ในเมื่อท่านได้รู้เรื่องราวดังนั้น ท่านก็ไม่รอช้า รีบมุ่งหน้าไปหาลูกชายโดยเร็ว ด้วยใจยังเป็นห่วง กลัวว่าพวกพระฤาษีชีไพรทั้งหลายเหล่านั้นจะรุมประชาทัณฑ์
         ครั้นว่าพระฤาษีโคตะมะมาถึงแล้วก็มองเห็นพระฤาษี พระมุรี พระดาบส และพวกชีพราหมณ์ผู้ทรงศีลทั้งหลายเกลื่อนกลาดดารดาษไปทั่วทั้งในบริเวณนั้น จึงได้ตรงเข้าไปถามไถ่ในเหตุผลต้นปลายว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร จึงได้เกิดเป็นเหตุเช่นนี้ขึ้นมา พวกพระฤาษีชีพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้นก็เล่าเหตุผลตันเรื่องให้พระฤาษีโคตะมะฟังโดนละเอียด แล้วพระฤาษีโคตะมะจึงทบทวนในเหตุผล ก็เห็นว่าขืนปล่อยไว้เช่นนั้นคงจะไม่ได้การแน่ๆ มันจะต้องเกิดเรื่องเดือดร้อนขึ้นมาภายในไม่ช้านี้ ทางที่ดีแล้วจะต้องหาทางแก้ไขด้วยการเกลี้ยกล่อมให้ประนีประนอมกันและขอร้องให้พวกพระฤาษีชีพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้นจงเลิกแล้วต่อกัน และพระฤาษีโคตะมะก็ได้ให้สัญญาว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาอีก ด้วยต่อไปนี้พระองค์จะคอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด มิให้ห่างสายตา ในบรรดาพวกพระฤาษีมุรีดาบสทั้งหลายเหล่านั้นก็ยอมให้อภัย ก็เพราะว่าเห็นแก่พระฤาษีโคตะมะ ด้วยความเกรงใจเป็นล้นพ้น พระฤาษีกรกฎ ผู้เรืองอำนาจในอิทธาอภินิหารทั้งในด้านไสยาคมนับว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการของพระฤาษีทั้งหมดที่ได้พากันมาในขณะนั้นด้วยว่าท่านยังมิได้หายในการโกรธแค้น ถึงแม้ว่าจะยกเลิกไม่เอาโทษทัณฑ์แล้วก็ตาม แต่ท่านก็ยังได้ชี้หน้าใช้วาจาประกาศิตประกาศเป็นการสาบแช่งก่อนจะจากไป
     
       'จงคอยดูนะ อีกหน่อยเถอะ ถ้ายังขืนทำตัวเช่นนี้หัวกับตัวต้องแยกกันไปคนละทาง'

              เมื่อพระฤาษีกรกฎประกาศดังๆ ออกมาเช่นนั้นแล้ว พระฤาษีก็ออกเดินทางสถานที่แห่งนั้นไป ทำให้พระฤาษีโคตะมะถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก และเพื่อที่จะต้องแก้ไขให้เรื่องร้ายๆ กลายเป็นเรื่องดี และเรื่องหนักหนาสาหัสทั้งปวงนั้นให้กลับกลายเป็นสถานเบา ครั้นแล้วพระฤาษีจึงจำเป็นต้องจับเอาตัวลูกชายให้บวชเป็นพระฤาษีแล้วให้มุ่งหน้าบำเพ็ญตบะสร้างบารมีต่อไป  ตั้งแต่ในนั้นเป็นต้นมาก็รู้สึกว่าพระฤาษีโคบุตรก็มีความขยันหมั่นเพียรในการบำเพ็ญ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้เป็นบิดาเท่าใดนัก จึงเลิกละและลืมคิดในเรื่องอดีตที่ผ่านมาตั้งแต่ครั้งหนหลังลงไปได้อย่างสนิท เคร่งในธรรม ปฏิบัติธรรมด้วยความพยายาม และก็ไม่ยอมออกจากอาศรมไปเที่ยวที่แห่งใดอีกเลย คงเฝ้าแต่เก็บตัวอยู่ในอาศรมตลอดไป


            พระฤาษีโคบุตรก็ได้บำเพ็ญตบะเพื่อสร้างบารมีอยู่เป็นเวลานานหลายปี ก็ได้บรรลุเป้าหมายแห่งความสำเร็จจึงมีฤทธิ์มีอำนาจทั้งในด้านอิทธิฤทธิ์และบารมีมากมาย ต่อจากนั้นมาพระฤาษีโคบุตรก็มีความเก่งกล้าสามารถไม่แพ้กันกับพระฤาษีโคตะมะผู้เป็นบิดา แล้วจึงขอไปบำเพ็ญพรตสร้างบารมีต่อในป่าที่มีความเงียบสงบในระหว่างเทือกเขาหิมาลัยปันแดนกันในระหว่างเขาไกรลาศและป่าหิมพานต์ด้วยมีความคิดเห็นว่าในสถานที่แห่งนี้เป็นที่สงบเงียบเหมาะสมในการบำเพ็ญเป็นยิ่งนัก จึงได้เริ่มต้นอยู่ในสถานที่แห่งนั้นเป็นต้นมา
             จะกล่าวถึงนางเทพธิดาร้อยแปดนาง ซึ่งเป็นข้าบาทบริจาริกาขององค์พระอิศวรผู้เป็นเจ้า ทุกๆ วันนางเทพธิดาพวกนั้นจะต้องพากันลงมายังป่าใหญ่ เพื่อนที่จะเก็บดอกไม้ที่มีความสวยงามนำขึ้นไปถวายพระอิศวรและพระศรีมหาอุมาเทวี เป็นกิจวัตรประจำวันและจะต้องทำเช่นนี้ทุกๆ วันอีกด้วย เมื่อถึงวันที่บัญเอิญต้องให้มีเหตุ บรรดานางฟ้าและเทพธิดาในกลุ่มนั้นก้ได้เที่ยวเดินทางหาดอกไม้กันมาในราวป่าตั้งแต่เชิงเขาไกรลาศลงมาเก็บกันทุกวัน ๆ จึงทำให้ดอกไม้นั้นหายาก จึงต้องเดินหากันไกลออกมาในทุกขณะ จนกระทั่งมาถึงอาศรมของพระฤาษีโคบุตร ซึ่งได้ปลูกต้นไม้ดอกไเอาไว้มากมายในบริเวณที่หน้าอาศรมแห่งนั้น กำลังออกดอกชูขึ้นมาประชันกัน มองดูแล้วก็ให้มีความสวยงามเจริญตาไม่น้อยเลยทีเดียว และแต่ละดอกส่งกลิ่นหอมเย็นลอยตลบอบอวลไปทั่วทั้งในบริเวณนั้น ทำให้ผู้ที่ผ่านมารู้สึกมีความสดชื่นขึ้นมา เพราะกลิ่นดอกไม้พาให้ชื่นใจ หายจากความเหน็ดเหนื่อยลงไปได้ นางเทพธิดานางฟ้าในจำนวนร้อยแปดนางได้พากันหยุดอยู่ที่หน้าอาศรม พากันสูดกลิ่นและเดินชมดอกไม้งามๆ เหล่านั้น แต่ทว่าไม่กล้าที่จะเก็บเพราะยังไม่รู้ว่าเป็นของผู้ใดใครที่เป็นเจ้าของ และใครเล่าที่เป็นคนปลูกต้นไม้เหล่านี้ขึ้นมา แต่ว่าต้องมีเจ้าของอย่างแน่นอนที่สุด ก็เพราะว่าตามลักษณะของดอกไม้ป่ากับดอกไม้ที่มีคนปลูกนั้นจะต้องมีความแปลกและแตกต่างไม่เหมือนกัน จากการสังเกตก็จะเห็นได้ว่าดอกไม้ป่าโดยทั่วๆ ไปนั้น มันจะขึ้นกันระเกะระกะไม่มีแถวไม่มีแนว เมื่อยามที่ออกดอกก็เช่นเดียวกัน ที่นั่นดอกหนึ่ง ที่นี่อีกดอกหนึ่ง ซึ่งก็จะไม่มีความสวยงามเท่าที่ควรแต่ในสถานที่แห่งนี้ช่างขึ้นเป็นกลุ่ม เรียงกันเป็นแถวอย่างมีระเบียบ ทั้งยังออกดอกพร้อมๆ กันอย่างแสนที่จะสวยงามจะต้องมีผู้ที่มาประดิษฐ์แต่งเอาไว้เป็นแน่ทีเดียว
                   ในระหว่างที่นางเทพธิดาและนางฟ้าจำนวนนั้นยังมีความลังเลกันอยู่ ก็พอดีกับท่านพระฤาษีโคบุตรออกจากฌานสมาบัติพอดี ในเมื่อเดินออกมาจากอาศรมนั้นก็พบเข้ากับพวกนางเทพธิดาและนางฟ้าจำนวนนั้น จึงได้สอบถามหาสาเหตุก็ทราบว่านางทั้งหมดนั้นมีความต้องการที่จะได้รับดอกไม้เพื่อที่จะนำเอาขึ้นไป ถวายต่อองค์พระศิวะและพระอุมาผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ พระฤาษีโคบุตรก็มีความยินดีจึงรีบเข้าไปเก็บดอกไม้ของท่านเลือกสรรเอาแต่เฉพาะดอกที่ดีๆ ที่มีความสวยงามนำมามอบให้กับนางเทพธิดาและนางฟ้าในกลุ่มนั้น เพื่อฝากให้นำไปถวายองค์พระอิศวรและพระอุมาเทวีผู้เป็นเจ้า ตามความมุ่งหมายของพวกนางทั้งหลายเหล่านั้นครั้นแล้วพวกนางเทพธิดาทั้งร้อยแปดก็รู้สึกว่ามีจิตใจผูกพัน
 
        ผลสุดท้ายเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ล่วงรู้ไปถึงพระอิศวรผู้เป็นเจ้า ท่านจึงต้องเสด็จมาห้ามทัพ แล้วจึงสอบสวนเรื่อราวหาสาเหตุกันต่อไป ในเมื่อองค์พระอิศวรผู้เป็นเจ้าได้ทรงทราบเหตุผลต้นปลายอย่างชัดเจนแล้ว จึงตัดสินคดีลงโทษนางเทพธิดาและนางฟ้าทั้งร้อยแปดนางนั้น ให้ลงจากสวรรค์ไปสถิตถ์อยู่ตามต้นไม้ใหญ่ๆในเมืองมนุษย์ ให้กลายเป็นนางไม้ด้วยกันทั้งหมดในกลุ่มนั้น แต่ก็ยังมิเพียงพอความต้องการ จึงลงโทษพระฤษีโคบุตรอีกด้วย เพราะว่าเป็นต้นตอก่อให้เกิดเรื่องราวขึ้นมาในครั้งนี้ด้วยเสน่ห์ที่แรงกล้า พระอิศวรผู้เป็นเจ้าจึงประกาศประกาศิตให้แยกหัวออกจากตัวไปคนละทาง จะได้ไม่เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นมาอีก แต่ก็มิให้ตาย ยังทรงมีเมตตาในการที่ได้ถวายดอกไม้จึงเพียงแค่สั่งสอนและมิให้ผู้อื่นเอาเยี่ยงอย่าง ให้หัวของพระฤษีโคบุตรนั้นยังอยู่ในที่อาศรมเหมือนเดิม และมิหนำซ้ำยังได้สาปให้ตัวไปอยู่ในถ้ำแห่งเขาฤษยมุกให้กลายเป็นค้างคาวอยู่ภายในถ้ำแห่งนั้น ให้ออกหากินได้แต่เพียงในเวลากลางคืน และในเวลากลางวันก็มิต้องทำอะไร ไม่ต้องออกมาทำมาหากินทั้งนั้น ให้เกาะอยู่เฉยๆ ห้อยหัวลงมาแล้วก็นอนพักผ่อนอยู่เช่นนั้นตลอดทั้งวัน เมื่อองค์พระอิศวรผู้เป็นเจ้าทรงมีศิวะบัญชาแล้วก็เสด็จกลับสวรรค์....

 

        ท่านพระฤษีโคบุตรนี้มีเสน่ห์ที่ร้อนแรงมาก จนกระทั่งนักแสดงทั้งหลายโดยทั่วๆไป มักนิยมปั้นเศียรของพระฤษีโคบุตรนั้นเอาไว้ใช้ในการครอบ เพื่อจะเพิ่มอิทธิมงคลและมีเมตตามหานิยมให้คนดูหลงใหลใฝ่ฝันศิลปินส์ประเภทนี้ก็มี โขน ละคร ลิเก พอถึงตรงจุดนี้ ท่านผู้อ่านจะต้องร้องอ๋อ พวกลิเกเสน่ห์แรง เห็นไปที่ไหนสาวๆติดกรอ บางทีตามมาด้วยก็มี จะขอเตือนเอาไว้ให้เป็นคิดว่าบรรดาพวกศิลปินที่รูปหล่อๆน่ะ ก็เปรียบได้กับค้างคาวที่อยู่ในถ้ำ(คือตัวของพระฤษีโคบุตรนั่นเอง) ได้แต่ิออกหากินในเวลากลางคืน ส่วนตอนกลางวันก็ห้อยหัวนอนงานการอะไรก็มักจะทำไม่เป็น เกียจคร้านในทุกวิถีทาง ได้แต่นั่งกินนอนกินเพราะว่าชันษาของเขาอย่างนั้น สำหรับผู้ที่ไปหลงรักก็จงคิดทบทวนให้ดีและก็จงระวังให้ดี บางทีคุณอาจจะไม่มีอะไรเหลืออีกเลยก็อาจจะเป็นได้(แต่ก็ต้องขอประทานอภัยสำหรับผู้ที่เป็นศิลปินเต็มตัว และศิลปินที่ดีของประชาชน ที่ไม่กระทำตัวให้เสื่อมศรัทธา ข้าพเจ้ามิได้ด่าว่าคนดีหรือศิลปินที่ดีหรอกนะครับ แต่ก็นั้นแหละที่ดีๆ นั้น ข้าพเจ้าก็เห็นว่ามีอยู่ไม่มากนัก และก็รู้สึกว่าจะมีอยู่น้อยเต็มทีครับ)

 ท่านก็ได้ทราบถึงชีวประวัติของพระฤาษีโคบุตรไปอีกองค์หนึ่งแล้วที่บรรดาศิลปินทั้งหลายได้มีความเคารพนับถือ กราบไหว้บูชากันแล้วไม่ผิดหวัง อีกทั้งยังได้ยอมตนเป็นลูกและลูกศิษย์ของพระฤาษีโคบุตรกันทั้งหมดอีกด้วย แต่โดยเฉพาะผู้ที่เป็นลูกศิษย์ของพ่อทั้งหลาย ท่านก็จะคอยเอาใจใส่ดูแลโดยทั่วถึงกันทั้งหมดทุกคน และท่านก็จะค่อยส่งเสริมประทานพระพรและบารมีให้ เมื่อไม่ถึงคราวอดก็ไม่อด เมื่อถึงคราวที่ไม่มีก็จะต้องมีสิ่งบังเอิญให้มีลาภผลจะเข้ามาหามิได้ขาดสายทั้งในเรื่องของด้านใน ทุกข์ภัยอันตรายต่างๆ ท่านก็จะช่วยกำจัดปัดเป่าให้ห่างหายออกไป ถ้าหากใครเป็นลูกและลูกศิษย์ของพ่อแก่พระฤาษีโคบุตรโดยแท้จริงแล้วมักจะไม่มีการตายโหง
ลิเก ละคร และศิลปินไทยๆ ของเรามักจะต้องนำเอาเคียรพระฤาษีที่เรียกกันว่า เศียรพ่อแก่ หรือเศียรครู ไปด้วยในทุกหนทุกแห่งโดยทั่วไป ข้าพเจ้าก็จำเป็นที่จะต้องขอร้องท่านผู้อ่านอีกว่า ขอให้ท่านจงเคารพท่านด้วยใจจริง ให้มีความซื่อสัตย์กตัญญูรู้คุณคน ขอให้จงเป็นศิลปินที่ดีของประชาชนโดยไม่หลอกไม่ลวง ไม่หักหลัง ไม่กลั่นแกล้ง ไม่อิจฉาริษยา ไม่นำเอาพ่อแก่ไปทำความเสื่อมเสียหรือจะไม่นำเอาพ่อแก่ออกไปขอทาน มันเป็นการที่ไม่สมควรที่จะต้องงดเว้นขอให้ช่วยกันรักษาศักดิ์ศรีในคำที่ว่าศิลปินให้ยืนยงคงอยู่คู่กับประเทศชาติ และเป็นสมบัติของพวกเราชาวไทยกันให้ยั่งยืนและยาวนานสืบต่อเนื่อง ควรจะอนุรักษ์และเก็บรักษามรดกของไทยอันล้ำค่ามหาศาลนี้เอาไว้ให้นานแสนนานให้ลูกหลานของเราได้หากินสืบต่อๆ กันไป ถ้าหากท่านผู้อ่านทั้งหลายมีจิตใจที่มุ่งมั่นเคารพจงรักพ่อแก่อย่างแท้จริงแล้ว ท่านก็คงจะไม่ทอดทิ้งหรือนิ่งนอนใจ และในไม่ช้าผู้ที่กระทำความดีก็จะต้องมีความเจริญขึ้นไป

พิมพ์โดย ลูกสาวพ่อ มหาเทพประทานพร


 


พระฤษีหน้าเสือ(กาลสิทธิ์),พระฤษีประตาภา(หน้ากวาง),พระฤษีอุตริ(หน้าลิง)

ในกาลครั้งหนึ่งสมัยโบราณก็ยังมีตำนานพระฤษีหน้าเสือ พระฤษีหน้ากวางและพระฤษีหน้าลิง ทั้ง 3 พระองค์นี้ก็มีที่มาอยู่ในแห่งเดียวกันข้าพเจ้าเห็นว่ามีประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านทั้งหลาย จึงได้ตัดสินใจนำมาเล่าสู่กันฟัง แต่ครั้งอดีตกาลที่ล่วงมาเป็นเวลานานแสนนานหลายพันปีผ่านมาแล้ว ยังมีพระฤษี 2 พระองค์เป็นเพื่อนร่วมน้ำสาบานกัน ตั้งแต่ครั้งยังมิได้บำเพ็ญตนเป็นพระฤษี เพราะมีฐานะที่อยู่ในสำนักอาจารย์เดียวกันคืออาศรมของพระฤษีวสิษฐ์ เมื่อทั้งสองมีตบะบารมีเพิ่มมากขึ้นก็ได้พากันแยกย้ายออกไปจากสำนักของพระอาจารย์ต่างพากันเดินทางไปหาสถานที่ในการบำเพ็ญตบะ
แห่งใหม่ที่


















พระฤษีพุทธชฎิล (ไม่มีภาพ)

***พระฤษีพุทธชฎิลนี้ ท่านเป็นบรมครูแห่งวิชาแร่ ผู้หนึ่ง....


 

 

 

ความคิดเห็น :
1
อ้างอิง

สไมล์
ถ้าได้จัดทำเป็นเรื่องราวเล่าขานในยูทูปจะเยี่ยมยอดเลยนะครับ
 
สไมล์ [115.87.193.xxx] เมื่อ 16/06/2017 12:31
ความคิดเห็นของผู้เข้าชม
ชื่อผู้แสดงความคิดเห็น :
สถานะ : รหัสผ่าน :
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
รหัสความปลอดภัย :
 


บทความ
บทความทั่วไป
รวม LINK โหลดสื่อธรรม
การลดกรรม 45อย่าง ผลของกรรม
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระพุทธเจ้า
พุทธประวัติ คือ ประวัติของพระพุทธเจ้า
ประวัติพระพุทธศาสนา
ตำนานพระฤาษีและการบูชาพระฤาษี
พระแม่คายตรีมนตรา เทพีแห่งมนต์ตรา
108 พระนาม พระลักษมี
บูชาองค์อย่างไร
ประวัติพญานาค
พญานาค
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พุทธทำนาย-2
พุทธทำนาย-1
พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม 84 ปาง
ตำนาน ประวัติ พระแม่กวนอิมอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์
ตำนานฤาษี 108 ตน ตอน 8
ตำนานฤาษี 108ตน ตอน 7
ตำนานฤาษี 108 ตน ตอน 6
ตำนานฤาษี 108 ตน ตอน 5
ตำนานปู่ฤาษี 108 ตน ตอน 4
ตำนานพระฤาษี 108 ตน ตอน 3
ตำนานปู่ฤาษี 108 ตน ตอนที่ 2
ตำนานพระฤาษี 108 ตน
ปู่ฤาษีนารอด พ่อแก่ บรมครูปู่ฤาษี
ปู่หมอชีวกโกมารภัจจ์
เทวดาประจำตัว,เทวดามาสร้างบารมี,มีองค์
เหตุใดเทวดาตายแล้วจึงอยากเกิดเป็นมนุษย์
กุมารทอง กุมารี
ดูการ์ตูนประวัติพระพุทธศาสนา ออนไลน์
พระราม राम
หนุมาน ผู้เก่งกล้า ว่องไว องค์รักษ์พระราม
นางกวัก เทวีแห่งการค้ารุ่งเรือง
พระแม่โพสพ เทวีแห่งข้าวปลาอาหาร
พระแม่ธรณีหรือแม่พระธรณี भारत माता (Mother Earth)
พระแม่คงคา गङ्गा เทวีแห่งสายน้ำ
พระขันทกุมาร मुरुगन เทพแห่งสงคราม
พระกฤษณะ कृष्ण อวตารของพระนารายณ์
พระแม่อุมาเทวี 9 ปาง,พระแม่ปาราวตี पार्वती 9 ปางนวราตรี
พระนางสุรัสวดี (Saraswati, सरस्वती)
พระแม่กาลีหรือกากิลา काली อวตาลหนึ่งของพระแม่อุมา
พระพรหม (Brahmā ,Sanskrit: ब्रह्मा) คือ พระเจ้าผู้สร้าง
พระแม่ลักษมี (Lakshmi,Sanskrit: लक्ष्मी)
พระตรีศักติ,พระแม่สามภพ,พระศักติ,พระแม่ตรีเอกานุภาพ
พระวิษณุหรือพระนารายณ์
พระมหาตรีมูรติ The Trimurti (English: ‘three forms’; Sanskrit: त्रिमूर्तिः trimūrti)
พระแม่อุมาเทวี(พระแม่ทุรคา,พระแม่กาลี) Parvati (Devanagri: पार्वती, Kālī: काली)
พระพิฆเนศมหาเทพ Ganesha (Sanskrit: गणेश)
พระนามต่างๆของ พระศิวะมหาเทพ
ศิวลึงก์ लिङ्गं สัญลักษณ์แทนองค์พระศิวะ
พระศาสดามหาศิวะเทพ (พระอิศวร) शिव Shiva
ศาสนาฮินดู